เรียน MIT ที่สิงคโปร์

สิงคโปร์อาจไม่ใช่ประเทศที่คนไทยสนใจมาเรียนต่อในระดับอุดมศึกษา ยกตัวอย่างเช่นตอนผมเลือกมาเรียนปริญญาเอกที่สิงคโปร์ หลายๆคนก็ถามด้วยความแปลกใจว่าแน่ใจแล้วหรือที่จะไปเรียนที่สิงคโปร์ ทำไมไม่เลือกที่จะไปเรียนอเมริกา, อังกฤษ, และออสเตรเลียล่ะ สำหรับผมเองมีหลายเหตุผลครับ แต่อีกเหตุผลหนึ่งที่ผมอยากมาเรียนที่นี่คือระบบการศึกษาแบบสากลที่มีรูปแบบผสมผสานระหว่างเอเชีย อังกฤษและอเมริกา และผมมองเห็นว่าสิงคโปร์มีความแข็งแรงทางการเมือง เศรษฐกิจ อุตสาหกรรมและไอที ซึ่งความแข็งแรงเหล่านี้เป็นตัวผลักดันให้ภาคการศึกษาที่สิงคโปร์ก้าวหน้าไปด้วย เพราะความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจและการศึกษาจะต้องพึ่งพากันและกัน โดยการศึกษาเป็นตัวผลักดันภาคเศรษฐกิจ ส่วนเศรษฐกิจก็ต้องสนับสนุนภาคการศึกษาและจัดสรรตำแหน่งงานที่ตรงให้กับผู้ที่จบการศึกษาด้วย ดูได้จากตัวอย่างองค์กรที่ชื่อ SMA อันเป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยในสิงคโปร์กับมหาวิทยาลัย MIT เพื่อพัฒนาประเทศสิงคโปร์ให้เจริญก้าวหน้าโดยอาศัยการศึกษาและวิจัยเป็นกุญแจเบิกทาง เรามารู้จักกันหน่อยว่า SMA คืออะไร?

นี่คือข้อความจากหน้าเว็บ SMA ของมหาวิทยาลัย MIT (http://web.mit.edu/sma/)

“Founded in 1998, the Singapore-MIT Alliance is an innovative engineering and life science educational and research collaboration among three leading research universities in the world: the National University of Singapore (NUS), the Nanyang Technological University (NTU), and the Massachusetts Institute of Technology (MIT)”

ผมเรียบเรียงด้วยภาษาผมเองได้ว่า

“SMA หรือชื่อเต็มคือ Singapore-MIT Alliance ก่อตั้งเมื่อปี ค.ศ.1998 เป็นความร่วมมือกันระหว่างมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านงานวิจัยของโลก คือ Massachusetts Institute of Technology (MIT), National University of Singapore (NUS), และ Nanyang Technological University (NTU) เพื่อการศึกษาและวิจัยด้านวิศวกรรมศาสตร์และวิทยาศาสตร์แห่งชีวิต”

ต้องยอมรับเลยครับว่ารัฐบาลสิงคโปร์นั้นเก่งจริงๆที่สามารถจูงมือมหาวิทยาลัย top 10 ของโลกอย่าง MIT มาร่วมพัฒนากำลังคนของประเทศของเขาได้ โดยความร่วมมือนี้จะเป็นตัวผลักดันภาคอุตสากรรมและเศรษฐกิจของสิงคโปร์ให้เจริญก้าวหน้าได้จากการส่งเสริมภาคการศึกษา ค้นคว้าและวิจัย โดยทาง SMA จะจัดทำคอร์สวิชาเรียนมีทั้งเรียนทางไกลผ่าน Video Conference เรียนกับอาจารย์ที่ส่งตรงมาจาก MIT และเรียนผ่าน E-Learning โดยมีอาจารย์จากทั้ง NUS และ NTU ช่วยกันควบคุมการเรียนการสอน และนักศึกษาจาก NUS และ NTU ที่สนใจก็สามารถลงทะเบียนเพื่อสมัครเรียนคอร์สที่เปิดได้ โดยผมเรียนอยู่ที่ NTU ครับ และก็พบว่ามีเพื่อนบางคนในที่ทำงานของผมก็เคยได้สมัครเรียนคอร์สจาก SMA แล้ว ทุกคนบอกว่าเนื้อหาเข้มข้นและมีการบ้านที่ท้าทายมากๆ ผมฟังเช่นนั้นก็รู้สึกอยากเรียนด้วยเช่นกัน

จริงๆแล้ว SMA มีทุนการศึกษาสำหรับผู้ที่ต้องการเรียนในระดับโทและเอก และยังมีคอร์สแบบเรียนควบ 2 ที่คือได้ปริญญาจากมหาลัยที่สิงคโปร์ 1 ใบและจาก MIT อีก 1 ใบด้วย และยังสามารถย้ายไปเรียนระดับสูงและทำ postdoc ถึง MIT ที่อเมริกาได้เลย

หลักสูตรวิชาที่ SMA มีอยู่ 5 สาขาด้วยกันคือ

1. Computational Engineering (CE) หรือวิศวกรรมการประมวลผล

2. Computational and Systems Biology (CSB) หรือการประมวลผลและระบบทางชีววิทยา

3. Manufacturing Systems and Technology (MST) หรือระบบและเทคโนโลยีการผลิต

4. Advanced Materials for Micro- and Nano- Systems (AMM&NS) หรือวัตถุศาสตร์ขั้นสูงสำหรับระบบไมโครและนาโน

5. Chemical and Pharmaceutical Engineering (CPE) หรือวิศวกรรมเคมีและเภสัชศาสตร์

SMA ได้ทำการเปิดสอนวิชาแบ่งตามสาขาต่างๆ โดยนักศึกษาระดับมหาบัณฑิตจาก NUS และ NTU สามารถลงทะเบียนเรียนวิชาของ SMA ได้ และสามารถนำเอาวิชาเหล่านี้ไปนับรวมในใบ Transcript ได้ด้วย และแน่นอนผู้เรียนยังได้เครดิตว่าได้เรียนกับ MIT ซึ่งมีผลต่อความก้าวหน้าในสายอาชีพต่อไปในอนาคต

เมื่อเช้าของวันที่ 6 มิถุนายนนี้ผมได้รับอีเมล์ส่งมาจาก SMA ซึ่งในเมล์ได้แจ้งข่าวการเปิดรายวิชาหลายตัวด้วยกัน แต่ผมสนใจเฉพาะวิชาทางด้านคอมพิวเตอร์ซึ่งเปิด 3 วิชาคือ Computing Technology and Tools, Cluster and Grid Computing Technologies For Scientific Computing และ Computational Linear Algebra (เอกสารรายละเอียดของวิชา) และไม่ต้องสงสัยเลยว่าผมสนใจอยากเรียนวิชาที่สองคือ Cluster and Grid ผมอยากรู้ว่าการเรียนกับ MIT นั้นเป็นอย่างไร ทำไมใครๆก็บอกว่า MIT สุดยอด?

ผมมาแนะนำ SMA ให้รู้จักกันคร่าวๆ ใครอยากรู้จัก SMA มากขึ้นก็ไปดูได้ที่ http://web.mit.edu/sma จริงๆแล้วการศึกษาวิจัยอาจจะไม่จำเป็นต้องพึ่งพา MIT ก็ได้ แต่ผมเชื่อว่าสิงคโปร์เข้าใจเกมการตลาดของโลกครับว่าต้องจับมือกับใครบ้างแล้วประเทศถึงจะเจริญ เราจะเห็นได้ว่าสิงคโปร์สนิทกับหลายๆประเทศทั้งที่กำลังพัฒนาและเป็นมหาอำนาจ (รวมทั้งสนิทกับอดีตนายกทักษิณด้วย) ผมเชื่อว่าสิงคโปร์เขามั่นใจแล้วว่าการวางหมากเพื่อลุยภาคการศึกษาผ่าน SMA ครั้งนี้จะทำให้ประเทศเขาได้อะไรคืนกลับมาบ้าง และก็เป็นการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนคุ้มค่าอย่างแน่นอนครับ