ประวัติ blog (ที่รกร้าง)แห่งนี้

ผมไม่ได้แวะมาเขียน blog นี้มานานมากแล้ว เคยมีความคิดว่าจะปิด blog ถาวรหลายครั้ง แต่ก็ดันเสียดายเนื้อหาและช่วงเวลาที่เคยทุ่มเทให้กับ blog นี้ ผมก็เลยปล่อยให้ blog ร้างอย่างที่มันเป็น ถ้าหาก blog อายุครบ 100 ปี ก็อาจจะเป็นโบราณวัตถุดิจิตอลได้

เหตุที่ไม่ได้อัพเดทเนื้อหาก็เพราะหน้าที่การงานและความขี้เกียจของผมที่ผสมปนเปกัน กล่าวคือ พอตอนงานเยอะก็ไม่มีเวลาเขียน blog   แล้วพอตอนที่งานน้อยลงก็ดันขี้เกียจเขียน blog   ผมมีความพยายามหลายครั้งที่จะทำตัวเองให้ว่างขึ้น รับงานให้น้อยลง แต่พองานน้อยลงก็ดันอยากจะพักให้มากขึ้น อยากมีเวลาอ่านหนังสือให้มากขี้น (ส่วนใหญ่จะเป็นนิยาย)  กับดูหนัง Netflix ให้เยอะขึ้น (เหตุผลนี้ไม่ค่อยเวิร์คเท่าไหร่)

และด้วยสาเหตุดังกล่าวนี่เอง ทำให้บทความที่กะว่าจะเป็นซีรีย์หลายซีรีย์ หรือเนื้อหาบทความที่แบ่งเป็นตอนๆ กลับกลายเป็นซีรีย์ที่ไม่(มีวัน)จบ

Continue reading

ปีใหม่ พร้อมได้เริ่มตำแหน่งงานใหม่

ปีใหม่แล้วจนได้ ในที่สุด ทุนการศึกษาของผมก็หมดลงในวันศุกร์ที่ผ่านมา พอทุนหมด ผมก็เลยต้องหาทุนส่วนตัวไว้เลี้ยงชีพและจ่ายค่าเทอมจากการทำงาน ก่อนที่ทุนการศึกษาจะหมดนั้น ผมได้เตรียมหางานทำเพื่อเลี้ยงชีพตัวเองไว้แล้ว ซึ่งได้เตรียมตัวไว้ล่วงหน้าถึง 2 – 3 เดือนก่อน

ในที่สุด ผมก็เลือกทำงานที่ School of Computer Engineering, Nanyang Technological University ซึ่งเป็นที่ที่ผมเรียนอยู่นี่แหละ เพิ่งเริ่มงานในวันจันทร์ที่ผ่านมา ตำแหน่งงานคือ Research Associate (เรียกสั้นๆว่า RA) ส่วนเรื่องเรียน ผมก็ยังเป็นนิสิตปริญญาเอกอยู่นะ แต่ต้องเปลี่ยนสถานภาพจาก fulltime study เป็น par-time

ผมก็อยากฝากท่านที่ได้ทุนการศึกษา ไม่ว่าจะได้ทุนจากสถาบันไหนก็ตาม อยากจะบอกว่า ถ้าเรียนให้จบก่อนที่ทุนจะหมดก็ถือว่าเป็นเรื่องดี และเพื่อความไม่ประมาท ในระหว่างเรียน อย่าใช้เงินฟุ้มเฟือยจากการเที่ยวเตร่และซื้อของที่ไม่จำเป็น ไม่ว่าจะปาร์ตี้ทุกศุกร์เสาร์ ซื้อโทรศัพท์มือถือ เครื่องเกมส์ รถยนต์ (มีคนได้ทุนจนซื้อรถได้ด้วยนะเออ) ก็งดๆซะ พยามยามอดออมเงินจากทุนให้ได้เยอะๆ เรื่องกิน ก็กินไปเถอะ แต่ถ้าเป็นไปได้ ก็กินแต่พออิ่ม กินสนองกิเลสพอเป็นพิธีแต่อย่าบ่อยไป

ปีใหม่ งานใหม่ และที่แน่นอนคือ จะมีวันใหม่เกิดขึ้นตลอดทั้งปี

มาติดเกาะถึง 4 ปีทำไม?

ตำแหน่งบนแผนที่ของประเทศสิงคโปร์ พยายามเพ่งให้มากๆ เห็นไหมครับ เป็นจุดเล็กๆหนึ่งจุด เอ่อ .. จริงๆผมมองไม่เห็นหรอก (ที่มา - ภาพจากวิกิพีเดีย)

ก็จะสิ้นปีแล้ว บวกกับผ่านวันครบรอบที่ผมก็ใช้ชีวิตบนเกาะเล็กๆแห่งหนึ่งมาเป็นเวลา 4 ปี โดยเกาะแห่งนี้ก็คือ ประเทศสิงคโปร์ ขออัพเดทบลอกกันหน่อยแล้วกัน

ผมเคยมาสิงคโปร์ครั้งแรกในปี ค.ศ. 2005 ตอนนั้นผมมาทำงาน (สมัยยังทำงานอยู่ Sun Microsystems) และหลังจากนั้นก็มาทำงานและก็มาเที่ยวที่สิงคโปร์เป็นช่วงๆ ในช่วงที่มาทำงานที่สิงคโปร์สมัยนั้น ผมรู้สึกประทับใจกับบรรยากาศในประเทศนี้ โดยรวมคือ สิงคโปร์เป็นเมืองสะอาด ปลอดภัย การจราจรสะดวกรวดเร็ว  อินเทอร์เนตเร็ว มีต้นไม้มีสวนสาธารณะให้เห็นแทบทุกหนแห่ง  การดำเนินงานของราชการ/เอกชนที่รวดเร็วทันใจ … โดยสรุปแล้วกัน คือ ถ้ามีโอกาสก็อยากมาทำงานที่นี่

จนกระทั่งปี ค.ศ. 2007 สมัยนั้นผมกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิด คือ จังหวัดอุบลราชธานี และผมก็ทำงานเป็นอาจารย์ที่ ม.อุบล ตอนนั้นมีอาจารย์หลายท่าน ซึ่งเป็นเพื่อนเป็นพี่ร่วมงานกับผมแนะนำเรื่องศึกษาต่อในระดับปริญญาเอก ศึกษาต่อทำไมเหรอ? ก็เพื่อความก้าวหน้าในอาชีพการงานของสายวิชาการนั่นเอง และแล้ว ผมก็เตรียมตัวหาทุนและที่เรียนต่อ

ท้ายที่สุด ผมก็ได้ทุนเรียนเอกที่ School of Computer Engineering ของ Nanyang Technological University ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งทุนนี้เป็นทุนได้เปล่า(ไม่ต้องใช้ทุน) ให้ค่าตอบแทนดีพอควร คือ มีเงินเดือนให้ ทุนจ่ายค่าเทอมให้พร้อม และทุนมีอายุ 4 ปี ที่สำคัญคือ เรียนที่สิงคโปร์ ซึ่งเป็นประเทศที่ผมชอบอยู่แล้ว และไม่ไกลประเทศไทย ถ้าอยากจะกลับไทยเมื่อไหร่ ก็ทำได้ไม่ยากนัก สรุปคือ ผมรับทุนและก็มาเรียนที่สิงคโปร์ โดยวันที่ผมเดินทางมาสิงคโปร์ เพื่อมาทำปริญญาเอกคือ วันที่ 24 ธันวาคม ค.ศ. 2007 จากวันนั้นล่วงมาจนถึงวันนี้ ผมก็ร่ำเรียนบนเกาะเล็กๆแห่งนี้มาเป็นเวลาถึง 4 ปี

ผ่านไป 4 ปีแล้ว และผมก็คงได้อยู่สิงคโปร์อีกอย่างน้อย 6 เดือนเพื่อสะสางเรื่องเรียนที่ยังค้างคา นั่นคือ ผมต้องเขียนวิทยานิพนธ์ให้แล้วเสร็จ เพราะทุนของผมหมดแล้วในวันที่ 6 มกราคม ค.ศ. 2012 นี้แล้ว โชคดีที่ว่า ผมได้งานทำเป็นนักวิจัยให้กับโครงการวิจัยหนึ่งของมหาลัยที่ผมเรียน เริ่มงานแล้วในเดือนหน้า ทำให้ผมคลายกังวลเรื่องค่าใช้จ่ายหลังจากทุนโดนตัด

หากว่าไม่ขี้เกียจในช่วงเวลาว่าง(ซึ่งมีน้อยลง) ผมคงจะได้เล่าว่า ชีวิตที่สิงคโปร์ที่ผ่านๆมาเป็นไงบ้าง 🙂

I’m an all-one-5-bit guy

Originally, at time zero, I started from a register with binary value “0000000”. Then the least significant biti (LSB) was set to 1 after the first 365 days passed. It is just a 365-day journey around the sun. One round-trip of the journey increases 1 to the register. Until now, the first 5 digits starting from the LSB were set to 1, i.e., “0011111”. It is the truth for most regular people that we cannot fulfill 1 to this 7-bit register. The issue what I keep in mind is only the journey around the sun. Absolutely, I have encountered both happiness and unhappiness in this journey. However, I am ok with the results of journey. I cannot control many factors that impact the journey. Although I cannot predict the number of 365-day round trips I will have, I will do my best for today.

Status

เปลี่ยนธีมบล็อก

ถึงเวลาเปลี่ยนธีมบล็อกซะที หลังจากใช้ธีมเดิมมานานแล้ว ปกติแต่ละปีผมจะเลือกธีมใหม่ แต่ปีนี้บังเอิญลืม เพิ่งมานึกได้ไม่นานมานี้ว่าผ่านปีใหม่มาหลายเดือนแล้ว จนกระทั่งผ่านปีใหม่จีนไทยอินเดียก็เพิ่งมานึกได้นี่แหละ

นอกจากผมได้เปลี่ยนธีมแล้ว ผมยังปรับเปลี่ยนเนื้อหาใน About JavaBoom อีกด้วย เพราะตัวเก่าเนื้อหาไม่ค่อยทันสมัยและภาษาไม่ค่อยสากลซะเท่าไหร่ เดี๋ยวภายในปีนี้กะว่าจะทำ CV หางานด้วย เลยพยายามนึกว่าตัวเองมีอะไรอัพเดทหรือเปลี่ยนไปบ้าง (นึกไม่ค่อยออก) … จริงๆผมยังเรียนไม่จบนะ แต่สิ้นปีนี้ทุนการศึกษาจะสิ้นสุดสัญญาแล้ว (เขาให้แค่ 4 ปี) นับตั้งแต่ปีหน้า ผมก็เลยต้องหางานทำเลี้ยงชีพตัวเองเหมือนที่เคยทำเมื่อ 4 ปีก่อนต่อไป

ไป Perth วันนี้แล้ว

วันนี้ผมต้องเดินทางไป Perth ประเทศออสเตรเลีย เพื่อเข้าร่วมงานประชุม IEEE International Conference on Service-Oriented Computing and Applications (SOCA) ตามที่เคยแจ้งไว้ก่อนหน้านี้  ผมเริ่มเดินทางออกจากสิงคโปร์เวลาประมาณ 6 โมงและจะถึง Perth ประมาณ 5 ทุ่ม แต่กว่าจะถึงโรงแรมที่พักก็คงเที่ยงคืน

จริงๆแล้ว ผมเดินทางของ Qantas เที่ยวบินรอบเช้า แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ทาง Qantas โทรมาเลื่อน flight ไปเป็นตอนเย็น แถมยังเปลี่ยนเป็น Jetstar อีก มีการลดเกรดกัน ทำให้ผมไม่สบอารมณ์นิดหน่อย แต่ทำไงได้ เหมือนว่า Qantas จะเคลียร์เปัญหาเครื่องบิน Airbus ไม่ได้ (โดยเฉพาะ A380) เขาเลยต้องเปลี่ยนไปใช้ Jetstar แทน (แต่ของ Jetstar ก็ Airbus นะ) ทาง Qantas ชดเชยให้ผมโดยการให้ voucher มูลค่า USD 300 สำหรับซื้อตั๋วครั้งต่อไป  ใจจริง ผมอยากให้เขาจ่ายเป็นเงินสดส่วนต่างของ Jetstar กับ Qantas น่ะ แต่เขาไม่ยอม อะ เอาก็เอา ผมก็งงนะ ถ้าลูกค้าเลื่อนตั๋วเราต้องจ่ายส่วนต่าง แต่สายการบินเลื่อนตั๋วเรา เขาจ่าย voucher คือ ขอให้เขาคืนเงินทั้งหมดได้ แต่เราก็ต้องซื้อตั๋วใหม่ เริ่มใหม่ทั้งหมดเลย โชคไม่ดีอาจจะไม่ได้ที่นั่งเลยเพราะช่วงนี้มันเทศกาล คนจองคิวซื้อตั๋วกันยาวเหยียด

ผมจะอยู่ Perth ประมาณ 6 คืน แล้วค่อยกลับสิงคโปร์ในศุกร์หน้า ช่วงที่อยู่โน้นคงไม่ค่อยได้อัพเดตมากมาย เพราะ Internet ที่โรงแรมไม่ฟรี คงได้ใช้ net ก็แค่ตอนอยู่ใน conference ครับ เดี๋ยวกลับมาจากงานแล้วได้เรื่องราวอะไรดีๆ แล้วผมจะมาเล่าให้ฟังใน blog นี้นะครับ

 

UPDATE: ตกลง Qantas เขายินดีคืนเงินส่วนต่างของเที่ยวขาไปแล้ว ดีครับดี

ค่าลงทะเบียน conference แพงว่ะ

ไม่ได้มาอัพบล็อกนานพอควร เหตุผลเดิมๆ คือ ยุ่งครับ เหมือนจำนวนงานไม่เยอะ แต่ใช้เวลากับมันนานซะเหลือเกิน … อ่า เข้าเรื่อง ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาแห่งการใช้จ่ายมากเลย เดือนก่อนๆ เหมือนว่าเงินมันเยอะผิดปกติ (ว่าไปโน้น) เลยเอาไประบายออกให้เงินมันคล่องตัว ไปซื้อ iPad กับ iPhone มาสนองตัณหาส่วนตัว

แต่ใจเจ้ากรรม เดือนธันวาคมนี้ ผมต้องไปออสเตรเลีย เพื่อนำเสนอผลงานใน IEEE conference แห่งหนึ่ง เหมือนว่าจะเป็นเรื่องดี แต่ค่าใช้จ่ายมันเยอะจริงๆ ทั้งค่าเครื่องบิน ค่าวีซ่าออสเตรเลีย และก็ค่าลงทะเบียน conference … นี่ยังไม่รวมค่าครองชีพที่ใช้จ่ายที่โน้นนะเนี่ย

Continue reading

เครียดและเริ่มโรคจิต(อ่อนๆ?)

ช่วงนี้ผมเริ่มมีความเครียดจนเข้าขั้นโรคจิตแล้วสิ ไม่ทราบว่าเป็นโรคจิตอ่อนๆหรือเต็มขั้นก็ไม่ทราบ จริงๆก็ไม่ทราบว่าจะเครียดทำเบื๊อกอะไรนะครับ จริงๆเจอเรื่องให้เครียดมากมาย แต่ดันมาเครียดเอาง่ายๆ เรื่องเครียดก็มี 3 เรื่องด้วยกัน

  1. เรื่องสอบ PhD Qualify – คือ ผมส่งรูปเล่มเพื่อขอสอบ PhD Qualify ไปเมื่อปลายเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ถ้าผมสอบผ่านก็จะได้เป็น PhD candidate แบบสมบูรณ์  แต่ส่งงานผ่านมาเดือนกว่าแล้ว ผมยังไม่ทราบเลยว่าจะได้สอบวันไหน จริงๆมันไม่น่าจะเครียดอะไรเลยนะ สอบเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น ยังไงก็ได้สอบอยู่ดี อืม … ทำไมต้องเครียดด้วยหว่า ตอนแรก คิดว่าเครียดเพราะว่า ถ้าผมได้ candidate มาแล้ว ผมจะได้เงินเดือนจากมหาลัยเพิ่มอีก 500 เหรียญ ซึ่งมันก็ไม่น้อยทีเดียว คิดเป็นเงินไทยก็หมื่นกว่าบาท แต่ถ้ามหาลัยเขาไม่ยอมปล่อยให้ผมสอบ ผมก็ไม่ได้เงินเพิ่มซะที … แต่ผมก็เข้าใจน่ะครับว่าช่วงนี้คนขอสอบกันเยอะ ดังนั้น มันเลยล่าช้ากันไปหมด อย่างไรก็ดี นี่คืออาการโรคจิตอ่อนๆแล้ว เพราะกุ้มในเรื่องไม่เป็นเรื่อง
  2. เรื่องงานวิจัย – ผมอยู่ในช่วงทำ numerical studies ของปัญหาหนึ่งโดยการทดสอบสูตรคณิตศาสตร์ optimization สูตรหนึ่งที่ผมสร้างขึ้นมา และการทดสอบนี้จำเป็นต้องใช้จำนวนตัวแปรขนาดใหญ่หลักแสน พร้อมจำนวนสมการ/อสมการเป็นหลักหมื่น มีอินพุตของ พารามิเตอร์อีกหลายร้อยชุด เรื่องมีอยู่ว่า ซอฟต์แวร์ผมที่มีอยู่ทั้ง MATLAB, Mathematica, และ Maple ยังไม่สามารถแก้ปัญหาได้ในเวลาที่พึงพอใจ   ส่วนของซอฟต์แวร์ทางด้าน optimization ที่ฟรีืและประมวลผลได้เร็วก็เป็น solver ที่ NEOS แต่รูปแบบภาษาการโปรแกรมมันก็ไม่เอื้ออำนวยในการแก้ปัญหาของผมเท่าไหร่ อีกทั้งบางวัน solver ที่ผมใช้ที่ NEOS ก็เดี้ยงบ้าง ทำให้ส่งงานเข้าไปไม่ได้ เฮ่อ … อันนี้เครียดจริงๆ เพราะกะว่าจะรีบปั่น journal ให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นปีนี้ จะทันเปล่าเนี่ย
  3. โดนถ้ำมอง – อันนี้เพิ่งเจอมาเมื่อวานนี่เอง เรื่องมีอยู่ว่าผมกำลังเปลี่ยนเสื้อเปลี่ยนกางเกง และเป็นความบกพร่องผมเองแหละ ผมพักในห้องคนเดียว ก็ไม่ได้แคร์สายตาใคร เพราะคิดว่าไม่มีใครแอบมอง แต่ปรากฎว่า มีผู้ชายตรงข้ามห้องผมเขาแอบจ้องมองผม ต้องบอกได้เลยว่าเป็นการจงใจมอง เพราะเขามองมาจากหน้าต่างระบายอากาศจากห้องครัวของบ้านเขาและเขาต้องเหยียบเก้าอี้ขึ้นมามองลอดช่องหน้าต่างด้วยถึงจะเห็น และมันก็ดันมาตรงที่ห้องนอนผมพอดีเลย … ยุ่งเลยทีนี้ ก่อนหน้านี้ผมโป๊ไปไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง อยู่มาเป็นปีไม่เคยได้สังเกต มีอะไรมาดลใจให้ผมมองไปหน้าต่างบ้านเขาไม่ทราบ พอผมเห็นเขา เขาก็รีบหดหัวลง แล้วผ่านไปสักพักก็โผล่หัวมาจ้องใหม่ … เรื่องอายที่เขามองผมไม่เท่าไหร่ แต่ผมกลัวมันแอบถ่ายภาพขณะผมแก้ผ้า(อาจมีช่วงเผลอล่อนจ้อน)แล้วร่อนเมลไปทั่วน่ะสิ โิอ่ว … เครียด!!! เจอคนโรคจิตเข้าให้ เมื่อวาน ผมจิตป่วนเลย ออกมาดูเป็นพักๆ ก็พบว่ามันก็แอบดูผมเป็นพักๆเช่นกัน  โอย!… พารานอยด์ไปกันใหญ่ ผมตัดสินใจ เอาหนังสือพิมพ์มาแปะทับหน้าต่างเลย ห้องนอนผมเลยมืดสนิทเลยทีนี้

ถ้าผมจิตเสื่อมจนกระทั่งพารานอยด์แบบ John Forbes Nash นะ ผมก็อยากให้ผลงานผมออกมาดี ไม่ต้องได้โนเบลแบบท่านอาจารย์ Nash ก็ได้ ขอให้ผมจบเอกตามเวลาและได้ผลงานที่มีคุณภาพ ผมก็พอใจแล้วครับ

เพิ่งกลับมาจากเซี่ยงไฮ้

ภาพเมื่อวันเสาร์ที่ 16 พ.ค. 2556 หน้าตึก Oriental Pearl Tower กรุงเซี่ยงไฮ้

ผมเพิ่งกลับมาจากเซี่ยงไฮ้ครับ จริงๆต้องบอกว่ากลับมาถึงสิงคโปร์ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมาแล้ว ตอนกลับมาถึงสิงคโปร์ สมองยังมึนๆอยู่ ไม่ทราบว่าติดไข้หวัดหมู swine flu หรือเปล่า ก็เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมาตอนบ่ายๆ ผมไปเที่ยวกับเพื่อนชาวเม็กซิโก (แต่เขาเรียนอยู่อเมริกา คงไม่เกี่ยวกัน) เรียกว่าระยะระหว่างผมกับเขาไม่ไกลกันเกิน 1 เมตรเลยแหละครับ ที่แน่ๆเลยคือ ผมเป็นหมูไปเรียบร้อยแล้ว (ก่อนหน้านี้ผอมลงเนื่องจากออกกำลังกายหนัก) เพราะอาหารการกินที่เซี่ยงไฮ้เจริญสมบูรณ์ดี และเบียร์ก็ราคาถูกมากๆ ถ้าเทียบสิงคโปร์ ราคาก็ต่างกันราวฟ้ากับเหว

ผมไปเซี่ยงไฮ้เพื่อไปงานประชุม IEEE/ACM International Symposium on Cluster Computing and the Grids 2009 (CCGrid 2009) และก็ไปนำเสนอผลงานชื่อ Optimal Power Management for Server Farms to Support Green Computing ในงานแห่งนี้แหละครับ (ดูสไลด์นี้ได้ที่ scribd หรือ slideshare)

ผมไปถึงเซี่ยงไฮ้ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 15 แล้ว และก็อยู่ที่โน้นจนถึงวันที่ 22 ก็กลับมาสิงคโปร์ โดยเวลาส่วนใหญ่ในเซี่ยงไฮ้นั้น ผมก็อยู่ในงานประชุม ยกเว้นวันเสาร์ที่ผมออกไปเตร็ดเตร่ท่องเที่ยวโน้นนี่เพียงคนเดียวในเซี่ยงไฮ้ และนี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เที่ยวเพียงลำพังในประเทศที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาทางการ ถ้าหากว่าผมมีเวลาว่างคงจะมาเล่ารายละเอียดให้ฟัง แต่วันนี้ เอาแค่นี้ก่อนละกัน เดี๋ยวติดลมไม่ได้ทำการทำงานกัน

พฤษภาคมแล้วหรือ

ผมและ Hoegaarden ภาพของวันที่ 11 เมษายน 2552

เวลาผ่านไปเร็วเหมือนโกหก ในที่สุดก็เดือนพฤษภาคมแล้วครับ ท่านจะเห็นได้ว่าเดือนก่อนผมไม่มีเรื่องราวมาอัพเดต สาเหตุก็เนื่องจากว่าผมมีภาระงานที่ต้องปั่น เป็นงานวิจัย 80% ซึ่งก็คืองาน math modeling ที่ผมใช้เวลาหมกมุ่นกับมันพอสมควร

สำหรับอีก 20% เป็นงาน admin โดยผมต้องเซ็ตอัพ Cloud Computing Testbed เป็นระบบสำหรับทดลอง math modeling และทดลองงานอื่นๆที่เกี่ยวกับงานวิจัยด้าน Cloud Computing และ Virtualization แต่ตอนนี้ อุปกรณ์ยังมาไม่ครบ เลยยังทำอะไรกับมันไม่ได้มาก นอกจากทดลองซอฟต์แวร์ระบบต่างๆ อย่างไรก็ตาม สัปดาห์หน้าอุปกรณ์ทุกตัวน่าจะมาพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว ผมคงมีภาพมาโชว์ให้ดู เดี๋ยว entry หน้าผมจะโชว์วิดีโอและภาพส่วนหนึ่งในวันที่เริ่มติดตั้ง Testbed ในเดือนเมษายนที่ผ่านมาครับ

ส่วนข่าวที่ Blognone ผมก็ไม่ได้ไปเขียนข่าวด้วยเหตุผลข้างต้นนี้แล มิได้เกี่ยวกับ Apple หรือใดๆนะครับ 🙂

ครบรอบ 1 ปีที่ wordpress

วันที่ 17 มีนาคม คือ วันคล้ายวันเกิดของ blog แห่งนี้ JavaBoom Collections ครับ ครั้งที่เปิด blog นี้ก็กะว่าจะเอาไว้เขียนบันทึกส่วนตัว รวมถึงกะว่าจะเขียนอะไรเป็นวิชาการคอมอย่างน้อยเดือนละ 1 บทความ แต่ไปๆมาๆ จะเห็นว่าช่วงหลังๆผมไม่ได้เขียนอะไรใหม่ๆแล้ว หรือแม้กระทั่งอัพเดตเรื่องราวส่วนตัวเล็กๆน้อยๆก็ยังแทบไม่มี

เหตุผลก็เดิมๆอย่่างที่บ่นเป็นประจำ สรุปก็คือ ผมต้องทุ่มเทเวลากับการวิจัยค้นคว้าให้มากขึ้นครับ … แฮๆ ก็ถ้าห่างหายไปนาน อัพเดตไม่ถี่ อย่างเช่นห่างกันเป็นสัปดาห์หรือเป็นเดือน ก็ต้องแปลกใจครับ อ่าว … ขอเวลาไปทำงานต่อ เดี๋ยวพิมพ์ไปเพลินไป 🙂

เซ็ง … เงินเดือนไม่ออก

จริงๆว่าจะไม่บ่นแล้วครับ เรื่องมีอยู่ว่า ผมยังไม่ได้เงินเดือน (เงินเดือนจากทุนการศึกษา) … ตอนแรกผมก็ไม่ร้อนรนอะไร เพราะเดือนก่อนมันมีแึค่ 28 วัน และปกติเงินเดือนผมจะเข้ามาประมาณวันที่ 29 – 30 แต่จนมาถึงวันที่ 2 มีนาแล้ว เงินเดือนผมยังไม่มาอีก เลยถามเพื่อนๆหลายคนที่ได้ทุนเหมือนกัน ทุนคนตอบว่าได้้เงินเดือนตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาแล้ว … อ้าว! เครียดแล้วครับทีนี้

ผมเลยเดินไปถามคนที่เกี่ยวข้อง คือ Graduate Office ได้คำตอบมาว่า ยังช่วยอะไรไม่ได้ เพราะคนที่จัดการเรื่องนี้ลาพัก แล้วจะกลับมาทำงานปกติก็วันพุธ โอเค ผมบอกว่าผมรอได้ ผมเลยถามว่าปัญหาเิกิดจากอะไรได้บ้าง ถ้าเป็นกรณีเช่นผม ทางเจ้าหน้าที่ก็อ้ำอึ้ง แล้วก็บอกว่า บอกอะไรไม่ได้ เพราะคนที่เกี่ยวข้องไม่อยู่ เขาเลยถามผมว่า ผมได้ส่ง annual report (รายงานความคืบหน้าประจำปี) หรือยัง ? ผมตอบไปว่า แน่นอน ผมส่งไปแล้ว และผมก็ส่งไปตั้งแต่เดือนธันวาคมปีที่ผ่านมาแล้วด้วย … เจ้าหน้าที่คนนั้นก็ทำหน้างงๆ เขาก็บอกว่า ถ้าส่งแล้วก็คงไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้ตอบอะไรไม่ได้ นอกจากรอให้คนที่จัดการเรื่องนี้กลับมาก่อน และอาจารย์ที่ปรึกษาของผม ที่เป็นคนรับรองว่าผมส่งรายงานแล้วก็ไปต่างประเทศซะด้วย เขาเลยไม่สามารถมาเป็นพยานและช่วยเหลือผมได้

โอเคบ่นเสร็จแล้วครับ คือผมต้องเอาเงินจ่ายค่าเช่าบ้าน รวมค่าน้ำไฟค่าเน็ตค่ามือถือ เกือบ 2 หมื่นบาทน่ะครับ เลยตื่นเต้นไปนิดว่าจะได้เงินตอนไหน โดยสรุป รอวันพุธที่กำลังจะถึงนี้ … ได้ผลอย่างไรแล้วจะมาอัพเดทครับ

UPDATE หลังจากพยายามดำเนินการต่างๆนานา ท้ายที่สุดก็ได้เงินครบทุกเม็ดแล้วนะครับ

แนะนำ boomary.blogspot.com

ช่วงนี้ผมยุ่งกับงานวิจัยครับ ไม่มีเวลามาอัพเดทข่าวหรือเขียนบทความใดๆ มีที่เขียนค้างไว้อยู่เยอะเลย โดยเฉพาะเรื่องคลาวด์ๆ (Cloud Computing) ผมจะพยายามเพิ่มปรับแต่งไปทีละนิดแล้วกันครับ อย่างไรก็ดี ผมมี blog อีกที่หนึ่งที่ผมอัพเดทเฉพาะชีวิตประจำวันเหมือนสมุดบันทึก และผมขอแนะนำในวันนี้ นั่นคือที่ http://boomary.blogspot.com

ตอนนี้ ที่ blog นั้นก็จะเน้นไปที่อาหารการกินเยอะไปหน่อย อาจจะมีภาพของเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ก็ขอประทานโทษในที่นี้ เพราะว่าเป็นเรื่องไม่เหมาะสม และขอออกตัวก่อนว่า ผมไม่ใช่ขี้เมานะ ผมก็ไม่แนะนำให้ใครดื่มด้วย และไม่สนับสนุนความคิดที่ว่าการดื่มเป็นวิธีที่ดีในการเข้าสังคม แต่ผมดื่มเพราะผมมีกิเลส อย่างไรก็ตาม ผมก็ไม่ได้ทำผิดศีลข้ออื่น และดื่มอย่างมีสติด้วย (แม้ไม่เต็ม 100% แต่ก็ไม่ต่ำกว่า 80%) อันนี้ขอยืนยัน

บางท่านอาจจะทราบชื่อเล่นของผมว่าผมชื่อ “บูม” และทราบนามอื่นว่า “จาวาบูม” (JavaBoom) แต่น้อยคนที่เคยได้ยินชื่อ “บูม-มะ-รี่” Boomary ซึ่งจริงๆแล้ว Boomary เป็นนามปากกาที่ผมใช้มานานแสนนาน ตั้งแต่สมัยยังเรียนมัธยมปลายแล้วครับ ดังนั้น จะมีแต่เพื่อนสนิทเท่านั้นที่รู้จักชื่อ Boomary อย่างเพื่อนสมัยมัธยมและสมัยเรียนปริญญาตรี

โอเคครับ แนะนำ blog และชื่อ Boomary พอหอมปากหอมคอ ยังไงก็กลับมาติดตามข่าวคราวผมที่นี่บ้างนะครับ

Recess for Priesthood – ลาบวช

I have to go back home for my mother’s cremation, in Ubon Ratchathanee of Thailand on FEB 7th. I intend to enter into priesthood for a week, from FEB 1st – FEB 7th. Today I go to Bangkok at 8PM, then I’ll back Ubon Ratchathanee on JAN 30th in the morning.

I need to inform since JAN 30th and next 10 days; I cannot be online and I must follow the priesthood’s way. So I have no news/updates during this period. Then I’ll go back and use normal life again on FEB 9th. Whenever I’m ready, I’ll update news/blog entries again.

Thanks for your following

เนื่องด้วยผมต้องบินกลับเมืองไทยไปร่วมพิธีงานเผาศพคุณแม่ของผมในวันเสาร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ ที่จังหวัดอุบลราชธานี ผมตั้งใจบวชพระนับตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ – 7 กุมภาพันธ์ และผมจะเดินทางกลับเมืองไทยเวลา 2 ทุ่มวันนี้ และนั่งเครื่องบินเดินทางไปอุบลต่อของเช้าวันที่ 30 มกราคม

ผมขอแจ้งว่า ในช่วงเวลาตั้งแต่วันที่ 30 มกราึคมและถัดไปอีกประมาณ 10 วัน ผมจะไม่ได้ออนไลน์หรือยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลก ดังนั้น ผมจะไม่มีข่าวสารหรืออัพเดทบล็อกใดๆทั้งสิ้นในช่วงนี้ครับ โดยผมจะกลับมาถึงสิงคโปร์ในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ และเมื่อผมพร้อมเมื่อไหร่ ก็จะกลับมาอัพเดทข่าวสารตามปกติต่อไปครับ

ขอขอบคุณที่ติดตามข่าวคราวกันมาโดยตลอดครับ

สรุปเรื่องราวชีวิตในปี 2008

ในวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายของปี พ.ศ. 2551 หรือ ค.ศ. 2008 แล้ว ก่อนจะขึ้นปีใหม่นี้ ผมก็ขอสรุปเรื่องราวต่างๆอันเป็นเหตุการณ์สำคัญประจำปีนี้ของผม โดยเรียงตามลำดับเหตุการณ์ ดังต่อไปนี้

  • ผมย้ายถิ่นจากเมืองไทยมาสิงคโปร์เพื่อเรียนต่อปริญญาเอก ในวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2550 (ขอเกริ่นนำไปหาปีก่อน)
  • เปิดเทอมวันแรก คือวันที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2551
  • ผมได้ทำการเปิด blog แห่งนี้ ภายใต้ชื่อ JavaBoom Collections และได้เริ่มเขียนเรื่องแรกในวันที่ 17 มีนาคม ช่วงแรกๆ ยังลังเลอยู่ว่าจะใส่เนื้อหาอะไรลงไป แต่สุดท้ายก็ลงเอยที่ว่าเป็น Collections แบบเติม s เพราะเป็นการยำ เป็นการรวมเรื่องหลายๆเรื่อง หลายๆหมวดเข้าด้วยกัน อย่างไรก็ดี ผมมีแผนจะแยกเนื้อหาออกเป็นส่วนๆไปให้ blog อื่นๆของผมอยู่ แต่ผมยังไม่มีเวลาเลย คาดว่าหลังเรียนจบ (เหลืออีก 3 ปีเป็นอย่างต่ำ) คงมีเวลาเข้ามาจัดการในส่วนนี้ครับ
  • ในวันที่ 8 พฤษภาคม ลูกสาวของผมอายุครบ 1 ขวบครับ ตอนนี้ ผมไม่แน่ใจว่าจะเรียกลูกสาวดีหรือเปล่า เพราะซนมากๆ ซนกว่าเด็กผู้ชายที่เรียกว่าซนๆแก่นๆซะอีก สำหรับที่มาของชื่อเล่นลูกสาวของผม ก็ไปอ่านได้ที่ เมื่อลูกครบ 1 ขวบกับที่มาของชื่อเล่น
  • ในต้นเดือนมิถุนายน มีเหตุการณ์ที่ท้าทายและปวดหัวมากๆนั่นคือ การหาบ้านเช่าของผมในสิงคโปร์
  • ผมได้รับตำแหน่ง Blognone’s Writer ในวันที่ 28 กันยายน
  • นับเป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่สุดของผมเลย นั่นคือ ในวันที่ 11 ตุลาคม คุณแม่ของผมท่านได้สิ้นลมหายใจ หลังจากที่ท่านต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งระยะสุดท้ายมาเป็นเวลานานนับปี แม้ว่าคุณแม่ผมได้สิ้นลมหายใจไปแล้ว ส่วนตัวผมเอง ผมยังคงรู้สึกเสมอว่า คุณแม่ผมยังอยู่กับผม  ทั้งนี้ เป็นสัจธรรมของโลกเรา คือ เกิด แก่ เจ็บ ตาย และสิ่งหนึ่งที่เป็นสัจธรรมคือ ท่านอยู่ในสายเลือดของผม ดีเอ็นเอของท่านได้ถ่ายทอดมายังผม และจะถ่ายทอดไปยังลูกหลานของท่านต่อไป … ท่านยังอยู่ในใจของผมตลอดไป
  • เหตุการณ์ล่าสุด ไว้ต้อนรับปีใหม่ ก็มีเรื่องให้ผมได้ยินดี คือ งานแต่งงานของพี่สาวของผมหรือ “พี่บีม”  คือ ในวันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พี่สาวของผมก็ได้สละโสดซะที ผมอยากฝากข้่อความถึงคุณแม่ว่า ไม่ต้องเป็นห่วงพี่สาวผมแล้ว เพราะพี่เขาได้คนที่ดีมาดูแลแล้วครับ

จริงๆก็มีเหตุการณ์สำคัญมากมายนะ ขอเลือกมารายงานเพียงเท่านี้แล้วกันครับ ในวาระดิถีขั้นปีใหม่นี้ ผมขออวยพรให้ ทุกๆท่านมีสุขภาพทั้งกายและใจที่แข็งแรง และขอให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและความรักนะครับ ^__^